ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาประยุกต์ใช้ในวงการศึกษากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 ที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและ AI มาช่วยในการจัดการเรียนรู้
AI กับการแก้ปัญหาภาระงานครู
จากการศึกษาพบว่า AI เป็นผู้ช่วยที่ดีของครูในด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้องค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง (Literacy-Based Test) มากกว่าการเน้นข้อสอบวัดเนื้อหา (Content-Based Test) ซึ่งช่วยลดภาระงานของครูที่มักจะทำได้เพียงผิวเผิน
สถิติในปี 2562 พบว่า เกือบร้อยละ 95 ของครูทำงานนานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ถึงร้อยละ 58 ใช้เวลาไปกับงานอื่นที่ไม่ใช่การสอนมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเทียบเท่าเวลาทำงาน 1 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งทำให้ครูมีเวลาไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน
การสร้างข้อสอบโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ในการประเมินผลการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล หรือในศตวรรษที่ 21 ครูสามารถใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการทดสอบวัดและประเมินผลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการสร้างข้อสอบ ซึ่งมีหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น:
- OpenAI’s ChatGPT
- Conker.ai
- Dugga Assessment
- QuestionWell
- Yippity
- Gradescope
เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการสร้างคำถามเพื่อวัดและประเมินกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking) ซึ่งเป็นการปรับปรุงวิธีการวัดและประเมินผลให้ทันสมัยและตอบสนองพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนในยุคดิจิทัล
ขั้นตอนการใช้ AI สร้างข้อสอบ
- กำหนดรูปแบบของแบบสอบ (Test Formats) – ครูต้องเลือกรูปแบบแบบสอบที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดของสาระการเรียนรู้
- สร้างแผนผังการทดสอบ (Testing Map) – เพื่อให้จุดมุ่งหมายการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน และการสร้างแบบสอบมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
- สร้างผังข้อสอบ (Test Blueprint) – เพื่อกำหนดรายละเอียดของการทดสอบว่าจะวัดตัวชี้วัดหรือจุดประสงค์การเรียนรู้ใด
- การคัดเลือก AI Generators – พิจารณาจาก:
- ภาษาที่ให้บริการ (ไทย, อังกฤษ)
- ข้อจำกัดของซอฟต์แวร์ฟรี (บางฟีเจอร์อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- ฟังก์ชันที่รองรับตามความต้องการ เช่น การแนบไฟล์ รูปแบบข้อสอบ และการตรวจให้คะแนน
- สร้างชุดคำสั่ง – ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ:
- Action: บอก AI ว่าอยากให้ทำอะไร
- Style: อธิบายรูปแบบที่ต้องการ
- Key details: ให้รายละเอียดที่จำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- การทบทวนร่างข้อสอบ (Item Review) – ทบทวนปรับปรุงตามคุณลักษณะของข้อสอบที่ดี เช่น ความตรงเชิงเนื้อหา ความเป็นปรนัย การสร้างตัวเลือกและตัวลวง
ข้อดีของการใช้ AI ในการสร้างข้อสอบ
- ความเร็วและความสะดวก – AI ช่วยลดภาระในการสร้างข้อสอบอย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างได้เป็นจำนวนมาก
- ความถูกต้องและเป็นมาตรฐาน – AI ช่วยในการตรวจข้อสอบอัตโนมัติด้วยความแม่นยำสูง
- การปรับปรุงการสอน – ครูสามารถนำข้อมูลจากการทดสอบมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการสอน
- ความยืดหยุ่นในการสร้างข้อสอบ – ช่วยให้สามารถปรับแต่งข้อสอบได้หลากหลายรูปแบบและระดับความยากง่าย
ตัวอย่างการใช้ Chat GPT สร้างข้อสอบอิงสถานการณ์
ข้อสอบอิงสถานการณ์ (Situational Test) เป็นเครื่องมือวัดและประเมินผลที่ใช้ข้อมูล เรื่องราว หรือสถานการณ์มากระตุ้นให้ผู้สอบใช้ความรู้ ทักษะ และทัศนคติเพื่อหาคำตอบ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- กำหนดบทความ/สถานการณ์ ที่จะใช้เป็นสิ่งเร้า (Stimulus)
- ป้อนคำสั่งลงใน Chat GPT โดยระบุประเภทข้อสอบและระดับพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการวัด
- ทบทวนและปรับแก้ไขข้อสอบ ที่ได้รับจาก AI เพื่อให้มีคุณภาพตามหลักการสร้างข้อสอบ
- จัดรูปแบบของแบบทดสอบ ทั้งแบบกระดาษหรือออนไลน์ตามความเหมาะสม
คำแนะนำสำหรับการใช้ AI ช่วยสร้างข้อสอบ
- ตระหนักถึงประเด็นจริยธรรม – ใช้อย่างมีความรอบคอบและคำนึงถึงลิขสิทธิ์
- การตรวจสอบซ้ำ – ทบทวนและปรับปรุงข้อสอบเพื่อให้มีคุณภาพด้านความตรงตามเนื้อหา
- ตระหนักถึงความลำเอียง – พิจารณาถึงความรู้พื้นฐานของผู้เรียนและควบคู่กับการประเมินโดยครู
- การกำหนดคำสั่งให้ชัดเจน – ระบุคำสั่งที่ครอบคลุมเป้าหมายและผลลัพธ์การเรียนรู้
ท้ายที่สุด AI ไม่ใช่เพียงเครื่องมือช่วยครูเท่านั้น แต่ผู้เรียนเองก็มีสิทธิที่จะใช้ AI เป็นผู้ช่วยในการเรียนรู้ ครูควรให้คำแนะนำผู้เรียนให้ใช้ AI อย่างเข้าใจหลักจริยธรรม ไม่คัดลอก ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และควบคู่ไปกับการวัดผลด้านอื่นๆ จากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล และการแก้ปัญหาในโลกความเป็นจริง
โดยนายจักรพงษ์ แผ่นทอง งานวัดและประเมินผล โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
เรียบเรียงจากเอกสาร วารสารวิชาการ ปีที่ 27 ฉบับที่ 3